บริษัท เนเจอร์พรอฟ จำกัด ได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางออร์แกนิคแท้ทั้งระบบ โดยองค์กร ECOCERT ประเทศฝรั่งเศส หน่วยตรวจรับรองผลิตภัณฑ์ Natural and Organic ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1991 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาการเกษตร ให้ความสำคัญและสร้างความตระหนักในวิธีและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ECOCERT มีความเชี่ยวชาญในการตรวจรับรองผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรออร์แกนิค (organic agricultural products) สนับสนุนให้เกิดการขยายการทำฟาร์มแบบออร์แกนิค โดยการร่างข้อกำหนด สนับสนุนและส่งเสริมการทำการเกษตรแบบออร์แกนิคในยุโรปและฝรั่งเศส ปัจจุบัน ECOCERT เป็นสถาบันที่มีสาขาในฝรั่งเศสและทั่วโลกที่ให้ความเชื่อมั่นแก่ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริโภค เป็นเครื่องหมายให้การรับรองออร์แกนิคที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก

ECOCERT COSMOS ORGANIC เป็นตรามาตรฐานรับรองเครื่องสำอางค์ธรรมชาติและออร์แกนิคของยุโรป ที่แพร่หลายและเป็นที่รู้จักมากในตลาดโลก เกิดจากการรวมตัวของ 5 หน่วยงานสมาชิก ได้แก่  BDIH (ประเทศเยอรมัน) Cosmebio (ประเทศฝรั่งเศส) Ecocert Greenlife SAS (ประเทศฝรั่งเศส) ICEA (ประเทศอิตาลี) Soil Association (ประเทศอังกฤษ สก๊อตแลนด์ และเวลส์) ตรวจรับรองโดย ECOCERT ที่ก่อตั้งขึ้นเป็นองค์กรที่รับรองมาตรฐานเครื่องสำอางเจ้าแรกของโลก เพื่อพัฒนามาตรฐาน "ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางธรรมชาติและออร์แกนิค" ซึ่งกฏข้อบังคับสามารถใช้สารสกัดที่ได้รับรองมาตรฐานออร์แกนิคหลากหลายองค์กร ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความทันสมัยและประสิทธิภาพการใช้งานที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่สุด

การรับรอง ECOCERT COSMOS นั้นมี 2 ประเภท และผลิตภัณฑ์ที่เป็นไปตามมาตรฐานอย่างเคร่งเท่านั้นที่จะได้รับการรับรอง

COSMOS ประมวลผลโดยยึดมาตรฐาน ECOCERT (มกราคม 2003)

โดยมีเงื่อนไขกลางของการตรวจรับรองมาตรฐาน 2 แบบ ดังนี้

•  สนับสนุนส่งเสริมให้มีการใช้ส่วนผสมที่ผลิตจากการเกษตรออร์แกนิค โดยให้ความสำคัญกับการย่อยสลายตามธรรมชาติ
•  ใช้กระบวนการและขั้นตอนการผลิตที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
• รวบรวมหลักเคมีสีเขียว (green chemistry) การเคลื่อนไหวทางสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนอุตสาหกรรมเคมีอย่างยั่งยืนและเคารพสิ่งแวดล้อม

เครื่องสำอางออร์แกนิค (Organic Cosmetic) ต่างจาก เครื่องสำอางธรรมชาติ (Natural Cosmetic )อย่างไร??

เครื่องสำอางออร์แกนิค (organic cosmetic) เป็นเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติ เช่นเดียวกับ เครื่องสำอางธรรมชาติ (natural cosmetic) แต่ส่วนผสมที่จะใช้ในเครื่องสำอางออร์แกนิคนั้น จะต้องผ่านการคัดสรร ควบคุม ตั้งแต่กระบวนการปลูก เก็บเกี่ยว และกระบวนการสกัดสารสำคัญ ให้ปราศจากยาฆ่าแมลงและสารเคมีในทุกขั้นตอน ดังนั้นเครื่องสำอางออร์แกนิค(organic cosmetic) จึงมีความปลอดภัยจากการปนเปื้อนจากสารเคมี มากกว่า เครื่องสำอางธรรมชาติ (natural cosmetic)

เครื่องสำอางธรรมชาติ (natural cosmetic) และ เครื่องสำอางออร์แกนิค (organic cosmetic) ที่ได้รับการรับรอง (certified) มีความพิเศษกว่า การไม่ได้รับรอง อย่างไร??
 

เครื่องสำอางทั้งสองประเภท ในท้องตลาดทั่วไปนั้น การใส่สำคัญที่เป็นสารจากธรรมชาติ (natural) หรือ ออร์แกนิค (organic) แค่เพียง 1 ตัว ก็สามารถใช้คำว่า natural cosmetic หรือ organic cosmetic ได้ แต่ในเครื่องสำอางที่ได้รับการรับรอง จากองค์กรที่ได้รับการยอมรับ เช่น ECOCERT COSMOS, BIOAGRICERT, USDA, NATRUE ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ได้กำหนดมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคหรือผลิตภัณฑ์ธรรมชาติไว้อย่างเข้มงวดและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง จะต้องผ่านมาตรฐาน ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบไปจนถึงกระบวนการผลิต ซึ่งทางผู้ผลิตหรือโรงงานจะต้องผ่านการตรวจสอบความถูกต้องจากองค์กรเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ตัวอย่างเช่น ข้อกำหนดของ ECOCERT COSMOS นั้น ได้กำหนดไว้ว่า 

1. ส่วนผสมทั้งหมด 100 % ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ได้รับการรับรองต้องเป็นไปตามกฎหมายยุโรป ว่าด้วยเรื่องผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และต้องไม่ผ่านกระบวนการผลิตต้องห้าม ทั้งการฟอกสีในสัตว์  การกำจัดกลิ่น ในสัตว์ การใช้รังสี (แอลฟ่า, แกมม่า) การแทนที่ด้วยหมู่ซัลโฟนิก การใช้ปรอท การใช้เอทธิลีน ออกไซด์ การใช้ฟอร์มัลดีไฮด์
2. ปริมาณส่วนผสมจากธรรมชาติในผลิตภัณฑ์ อย่างน้อย 95% ของส่วนผสมทั้งหมดเป็นวัตถุดิบที่ได้จากแหล่งธรรมชาติที่ไม่ผ่านกระบวนการต้องห้าม
3. ปริมาณส่วนผสมที่ได้จากกระบวนการสังเคราะห์ให้บริสุทธิ์ในผลิตภัณฑ์สุดท้าย ต้องไม่เกิน 5% ของส่วนผสมทั้งหมด นอกจากนั้นยังหมายรวมถึงกับโมเลกุลสังเคราะห์กลุ่มสารกันเสีย กลุ่มสารจับประจุ กลุ่มสารที่ผ่านการแปลงสภาพ
4. ประเภทหรือระดับของการรับรองจะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของส่วนผสมจำพวกพืชและส่วนผสมที่มาจากพืช ซึ่งส่วนผสมนั้นต้องได้จากการปลูกแบบออร์แกนิคและได้รับการรับรองออร์แกนิค 

ผู้บริโภคจะทราบได้อย่างไรว่า ผลิตภัณฑ์ใดบ้าง ที่ได้รับการรับรอง (Certified)??
ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการมาตรฐานจากองค์กรที่ได้รับการยอมรับ เช่น ECOCERT COSMOS, BIOAGRICERT, USDA, NATRUE นั้น จะสามารถติดสัญลักษณ์ (Logo)ที่แต่ละองค์กรนั้นๆ กำหนด ลงบนฉลาก เช่น กล่อง ขวด ของผลิตภัณฑ์ได้ 

ตัวอย่างของสัญลักษณ์ (Logo) ของมาตรฐาน ECOCERT COSMOS

แต่สำหรับบางผลิตภัณฑ์ ที่ไม่ได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์ เพียงแค่ใช้วัตถุดิบหรือสารสกัดที่ได้รับการรับรอง 1 ตัวขึ้นไป จะไม่สามารถติดสัญลักษณ์ (Logo) เหล่านี้ บนฉลาก แต่อาจพบเห็นได้ตามคำโฆษณา ซึ่งบางครั้ง ก็อาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดได้ว่า ผลิตภัณฑ์นั้นๆได้รับการรับรอง 
 

ทางบริษัท Natureprof มีทีมงาน ทั้งแพทย์ เภสัชกร และนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางธรรมชาติ (natural cosmetic) และ เครื่องสำอางออร์แกนิค (organic cosmetic) หากลูกค้าท่านใดสนใจ สามารถติดต่อสอบถามกับทางบริษัทฯได้

ISO 9001 คือระบบมาตรฐานบริหารงานคุณภาพระดับสากลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการคุณภาพภายในองค์กร ยกระดับประสิทธิภาพในการให้บริการและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม

ระบบมาตรฐาน ISO9001 ให้ความเชื่อมั่นได้ว่าบริษัทที่ได้รับการรับรองเป็นบริษัทที่มีการจัดการกระบวนการด้านคุณภาพขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถผลิตและให้บริการได้ตามความคาดหวังของลูกค้า

โดย บริษัท เนเจอร์พรอฟ จำกัด มีนโยบายคุณภาพที่สอดคล้องกับมาตรฐาน ISO9001:2015 กล่าวคือ

“เรามุ่งเน้นการคิดค้น วิจัย และพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติผสมผสานกับนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งประสิทธิภาพ คุณภาพ และความปลอดภัย เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”

ข้อกำหนดมาตรฐาน ISO9001:2015

1. ขอบเขต (Scope)
2. การอ้างอิง (Normative reference)
3. คำศัพท์ และความหมาย (Term and definitions)
4. บริบทองค์กร (Context of organization)

        4.1 ความเข้าใจในองค์กรและบริบทขององค์กร (Understanding the organization and its context)
        4.2 ความเข้าใจในความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Understanding the needs and expectations of interested parties)
        4.3 การระบุขอบข่ายการจัดทำระบบบริหารคุณภาพ (Determining the scope of the quality management system)
        4.4 ระบบบริหารคุณภาพและกระบวนการของระบบบริหารคุณภาพ (Quality management system and its process)

5. การนำองค์การ (Leadership)

        5.1 การนำองค์กรและความมุ่งมั่น (Leadership and commitment)
        5.2 นโยบายคุณภาพ (Quality policy)
        5.3 บทบาท ความรับผิดชอบและอำนาจหน้าที่ในองค์กร (Qraganizational roles, responsibilities and authorities)

6. การวางแผน (Planning)

        6.1 การระบุความเสี่ยงและโอกาส (Actions to address risks and opportunities)
        6.2 วัตถุประสงค์ด้านคุณภาพและการวางแผนเพื่อให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ (Quality objective and planning to achieve them)
        6.3 การวางแผนสำหรับการเปลี่ยนแปลง (Planning of changes)

        
7. การสนับสนุน (Support)

        7.1 ทรัพยากร (Resources)
        7.2 ความสามารถ (Competence)
        7.3 ความตระหนัก (Awareness)
        7.4 การสื่อสาร (Communication)
        7.5 สารสนเทศที่เป็นเอกสาร (Documented Information)

       
8. การปฏิบัติการ (Operation)

        8.1 การวางแผนและการควบคุมการปฏิบัติการ (Operational planning and control)
        8.2 ข้อกำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์แและบริการ (Requirements for products and services)
        8.3 การออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ (Design and development of products and services)
        8.4 การควบคุมกระบวนการจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการจากภายนอก (Control of externally provided processes, products and services)
        8.5 กระบวนการทำให้เกิดผลิตภัณฑ์และบริการ (Production and service provision)
        8.6 การปล่อยผลิตภัณฑ์และบริการ (Release of products and services)
        8.7 การควบคุมผลผลิตที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด (Control of nonconforming outputs)

        
9. การประเมินสมรรถนะ (Performance evaluation)

        9.1 การตรวจติดตาม การวัด การวิเคราะห์และการประเมินผล (Monitoring, measurement, analysis and evaluation)
        9.2 การตรวจประเมินภายใน (Internal audit)
        9.3 การทบทวนโดยฝ่ายบริหาร (Management review)

       
10. การปรับปรุง (Improvement)

        10.1 บททั่วไป (General)
        10.2 สิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดและการปฏิบัติการแก้ไข (Nonconformity and corrective action)
        10.3 การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continual Improvement)

บริษัท เนเจอร์พรอฟ จำกัด ได้รับการรับรองมาตรฐาน ASEAN GMP ลำดับที่ 145 ที่ตรวจสอบการรับรองได้ที่เว็บไซต์กลุ่มควบคุมเครื่องสำอาง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยมาตรฐาน ASEAN GMP เป็นระบบหนึ่งที่มีพื้นฐานมาจาก ISO 9001  ข้อกำหนดหลักของ “หลักเกณฑ์วิธีการปฏิบัติที่ดีในการผลิตเครื่องสำอางของอาเซียน”  หรือ “ASEAN Cosmetic Good Manufacturing Practice”  สอดคล้องกับระบบบริหารงานคุณภาพ มาตรฐาน ISO 9001   การประยุกต์ตามแนวทางของมาตรฐานGMP ให้ความสำคัญในเรื่องโครงสร้างอาคารผลิต สิ่งอำนวยความสะดวก  วัตถุดิบ  อุปกรณ์การผลิตและพนักงาน เพื่อลดการปนเปื้อนที่มาจากแหล่งที่อาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนเหล่านี้  นอกจากนี้วัตถุดิบและสูตรการผลิตที่ต้องได้รับอนุมัติก่อน (Formulation) การผลิตและจัดจำหน่าย โดยต้องยืนยันความปลอดภัยของวัตถุดิบ

GMP cosmetic

การตรวจประเมินระบบมาตรฐาน ASEAN Cosmetic GMP จะครอบคลุมตั้งแต่

1. คู่มือคุณภาพหรือเอกสารระบบคุณภาพที่เทียบเท่า(Quality Manual)
2. บุคลากร(Personnel)ซึ่งหมายรวมถึงโครงสร้างองค์กร คุณสมบัติ หน้าที่ความรับผิดชอบ และการฝึกอบรม 
3. สถานที่ผลิต(Permises) ทำเลที่ตั้ง การออกแบบและโครงสร้างอาคารผลิต ป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ระบบอากาศ ระบบท่อ ระบบแสงสว่าง ห้องหรือพื้นที่ควบคุมคุณภาพ พื้นที่การจัดเก็บ วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป วัสดุบรรจุ ฉลาก วัสดุสิ่งพิมพ์ต่างๆ
4.อุปกรณ์เครื่องมือ(Equipment) การติดตั้ง ตำแหน่งการติดตั้ง การบำรุงรักษา
5. สุขลักษณะและสุขอนามัย(Sanitation and hygiene) ของบุคลากร สถานที่ อุปกรณ์และเครื่องมือ
6. การดำเนินการผลิต(Production) วัตถุดิบและวัสดุบรรจุ ระบบเลขครั้งที่ผลิต การชั่งและการตวงวัด วิธีการปฏิบัติและกระบวนการผลิต การปิดฉลากและบรรจุหีบห่อ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป การกักกันและจัดส่งเข้าคลังเครื่องสำอางสำเร็จรูป
7. การควบคุมคุณภาพ(Quality control) ห้องทดสอบทางเคมี กายภาพ จุลชีววิทยา บริเวณติดตั้งเครื่องมือ การควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ วัสดุบรรจุ เครื่องสำอางสำเร็จรูป การปล่อยผ่านและการเก็บรักษาตัวอย่างเครื่องสำอางสำเร็จรูป
8. เอกสารการผลิต(Documentation) ระบบเอกสาร ข้อกำหนด เอกสารบันทึกการผลิต
9. การตรวจประเมินภายใน(Internal audits) มีSOP หรือมาตรฐานวิธีปฏิบัติการตรวจประเมินภายใน และมีทีมงานที่รับผิดชอบ
10. STORAGE การเก็บรักษา 
11. CONTROL MANUFACTURING AND ANALYSIS ผู้ผลิตและผู้วิเคราะห์ที่เป็นสัญญา 
12. COMPLAINTS เรื่องร้องเรียน
13. PRODUCT RECALLS การเรียกคืน 
14. GLOSSARY คำศัพท์เทคนิค

ทางบริษัท Natureprof มีทีมงาน ทั้งแพทย์ เภสัชกร และนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางธรรมชาติ (natural cosmetic) และ เครื่องสำอางออร์แกนิค (organic cosmetic) หากลูกค้าท่านใดสนใจ สามารถติดต่อสอบถามกับทางบริษัทฯได้

บริษัท เนเจอร์พรอฟ จำกัด ได้รับตราสัญลักษณ์ T-Mark (Thailand Trust Mark) จากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศไทย รับรองคุณภาพสินค้าที่ดีที่สุดของไทยยอดเยี่ยมระดับโลก เพิ่มโอกาสของสินค้าในการก้าวไปสู่ตลาดระดับโลกอย่างรวดเร็วและได้รับความไว้วางใจจากทั่วโลก

Thailand Trust Mark คือสัญลักษณ์แห่งความยอดเยี่ยมและคุณภาพที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งเกิดขึ้นมาเพื่อเพิ่มคุณค่าความพิเศษให้กับสินค้าและบริการที่ผลิตในประเทศไทย

 - คุณภาพที่เชื่อถือได้  Thailand Trust Mark คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นเลิศและคุณภาพที่ได้รับการเชื่อถือ
 - เพิ่มคุณค่าอันโดดเด่น  ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มคุณค่า อันโดดเด่น
 - สินค้าและบริการ  สินค้าและบริการที่ผลิตใน ประเทศไทย

ตรารับรองคุณภาพมาตรฐานโลก Thailand Trust Mark หรือ T Mark ตราสัญลักษณ์ที่สร้างความน่าเชื่อถือและการันตีสินค้าและบริการไทย โดยกำหนดเป็น “Trusted Quality” ที่การันตีคุณภาพสินค้าไทยที่ทั่วโลกไว้วางใจ ในทุกมิติ   ประกอบด้วย คุณภาพสินค้าและบริการที่ได้รับมาตรฐานสากล คุณภาพเรื่องมาตรฐานแรงงานไทย (Fair Labour) , คุณภาพเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม (Social Responsibility),  คุณภาพในการผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Environmental Concern)  และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Heartmade Quality ที่ระบุว่าสินค้าและบริการเหล่านี้จะต้องใช้ฝีมือการผลิต ผนวกกับวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนไทยที่ใส่ใจ  ตั้งใจ ทำด้วยใจ  เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีที่สุดออกมา

บริษัท เนเจอร์พรอฟ จำกัด ได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 2 ให้การรับรองโดยกระทรวงอุตสาหกรรม สามารถตรวจสอบข้อมูลการรับรองโรงงานอุตสาหกรรมสีเขียวได้ทางเว็บไซต์ Green Industry กระทรวงอุตสาหกรรม โดยตราสัญลักษณ์ Green Industry Mark สามารถติดแสดงบนผลิตภัณฑ์ได้ การผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องตามนโยบายประชาคมโลกของเนเจอร์พรอฟ ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถสร้างโอกาสทางการค้า เพิ่มโอกาสการแข่งขันทางการตลาด ลดการกีดกันทางการค้า สามารถส่งออกสินค้าได้หลายประเทศ

มาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) มุ่งมั่นและปฏิบัติการสีเขียว (Green activity) ยึดมั่นในการประกอบกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยการมุ่งเน้นในเรื่องของการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กรตลอดห่วงโซ่อุปทาน ด้วยกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องตามนโยบายประชาคมโลก สร้างโอกาสทางค้า เพิ่มโอกาสการแข่งขันทางการตลาด ลดการกีดกันทางการค้า ส่งออกสินค้าได้หลายประเทศ

เนเจอร์พรอฟ มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งครอบคลุมถึงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับ 

(ก) การลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือการป้องกันมลพิษ (Prevention of pollution) หรือ 

(ข) การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน (Sustainable resource use) หรือ

(ค) การลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change mitigation and adaptation) หรือ 

(ง) การปกป้องและฟื้นฟูธรรมชาติ (Protection and restoration of the natural environment) และสื่อสารนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมให้บุคลากรในองค์กรทราบ

เนเจอร์พรอฟ จัดทำแผนงานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือการป้องกันมลพิษ หรือการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและอย่างยั่งยืน หรือลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือการปกป้องและฟื้นฟูธรรมชาติ โดยแผนงานด้านสิ่งแวดล้อมต้องประกอบด้วยวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ขั้นตอนการปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ และกรอบระยะเวลาแล้วเสร็จ

ทางบริษัท Natureprof มีทีมงาน ทั้งแพทย์ เภสัชกร และนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางธรรมชาติ (natural cosmetic) และ เครื่องสำอางออร์แกนิค (organic cosmetic) หากลูกค้าท่านใดสนใจ สามารถติดต่อสอบถามกับทางบริษัทฯได้

"ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวซึ่งอนุมัติตามบัญญัติศาสนาอิสลามให้มุสลิมใช้ประโยชน์ได้"

ผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิว บริษัท เนเจอร์พรอฟ จำกัด ได้รับการรับรอง “มาตรฐานฮาลาล” มาตรฐานตามบัญญัติศาสนาอิสลาม ให้การรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพของโรงงานผู้ผลิตมาตรฐานรับรองความสะอาดและปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคได้ทั้งชาวมุสลิมและผู้นับถือศาสนาอื่นด้วย

"ฮาลาล"มาจากภาษาอาหรับ หมายถึง "อนุญาต" หรือ "อนุมัติ" สามารถตีความไปจนถึงการกระทำหรือสิ่งของที่อนุญาตโดยกฎหมายอิสลาม ซึ่งตรงข้ามกับคำว่า "หะรอม" ที่หมายถึง ต้องห้าม เป็นตัวบ่งบอกการกระทำหรือสารหรือวัตถุดิบที่ไม่เป็นที่อนุมัติและไม่เป็นที่อนุญาตตามกฎหมายอิสลาม ฮาลาลจึงเป็นสิ่งสำคัญ ก่อนที่จะยอมรับสิ่งหนึ่งสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ฮาลาลได้นั้น จะต้องทำให้มั่นใจว่า การกระทำหรือสิ่งของที่นำมาใช้ในการผลิตต้องเป็นสิ่งที่ฮาลาลด้วย

"คุณภาพและมาตรฐาน"โรงงานผลิตเครื่องสำอางที่ได้รับการรับรองฮาลาลมาตรฐานฮาลาลจะต้องผ่านการตรวจประเมิน ซึ่งประกอบไปด้วย 2 หลักเกณฑ์พิจารณาสำคัญ คือ หลักเกณฑ์ทางศาสนา และหลักเกณฑ์ทางสากล กล่าวคือ โรงงานผู้ผลิตจะต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ซึ่งถือเป็นข้อกำหนดสากลที่ใช้ในการควบคุมคุณภาพการผลิต เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานและปลอดภัย นอกจากมาตรฐาน GMP ที่เราจะต้องมีแล้ว โรงงานผู้ผลิตที่ยื่นขอฮาลาล จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน HACCPหรือ Hazard Analysis Critical Control Point อีกด้วย ซึ่งถือเป็นมาตรฐานควบคุมดูแลกระบวนการผลิตสากล ที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศทั่วโลก สำหรับการป้องกันอันตรายและสารปนเปื้อนในผลิตภัณฑ์ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของฮาลาลที่มุ่งเน้นให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีความสะอาด ปลอดภัย รวมทั้งปราศจากการปนเปื้อนสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคชาวมุสลิม โดยการออกใบรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ฮาลาลนั้นเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย

ในด้านหลักเกณฑ์ทางศาสนา จะเป็นเรื่องข้อปฏิบัติสำหรับสถานประกอบการที่ขอรับรองฮาลาล ซึ่งทางโรงงานผู้ผลิตจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถดำเนินการผลิตสินค้าที่มีความสะอาดปลอดภัย และถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม แบ่งออกเป็นหัวข้อสำคัญ อาทิ เช่น  

• โรงงานผลิตต้องสะอาดตามมาตรฐานอุตสาหกรรม และมาตรฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

• สถานที่ผลิตผลิตภัณฑ์ฮาลาล ต้องไม่ปะปนกับการผลิตสิ่งที่ไม่ฮาลาล โดยแยกออกจากการผลิตสิ่งที่ไม่ฮาลาลอย่างชัดเจน

• วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ฮาลาล ต้องเก็บรักษาแยกจากสิ่งที่ไม่ฮาลาลโดยเด็ดขาด

• การขนส่งผลิตภัณฑ์ฮาลาล ต้องแยกออกจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ฮาลาลโดยเด็ดขาด 

การผลิตหรือการจำหน่ายใด ๆ ที่ไม่ขัดต่อบัญญัติของศาสนา เพื่อให้ชาวมุสลิมบริโภคได้อย่างปลอดภัยและต้องปราศจากการปนเปื้อนสิ่งต้องห้าม ซึ่งฮาลาลจะเน้นเรื่องของความสะอาดในทุกขั้นตอน ทั้งวัตถุดิบ อุปกรณ์ในการผลิต และสถานที่ผลิต รวมทั้งขั้นตอนการผลิตและการขนส่งที่ต้องถูกต้องตามหลักบัญญัติของศาสนาอิสลามทุกประการ

จะเห็นได้ว่า “มาตรฐานฮาลาล”ถือเป็นเครื่องหมายการันตีคุณภาพของโรงงานผู้ผลิตมาตรฐานรับรองความสะอาดและปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคได้ทั้งชาวมุสลิมและผู้นับถือศาสนาอื่นด้วย

ทางบริษัท Natureprof มีทีมงาน ทั้งแพทย์ เภสัชกร และนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ที่เชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางธรรมชาติ (natural cosmetic) และ เครื่องสำอางออร์แกนิค (organic cosmetic) มาตรฐานฮาลาล หากลูกค้าท่านใดสนใจ สามารถติดต่อสอบถามกับทางบริษัทฯได้

บริษัท เนเจอร์พรอฟ จำกัด ได้รับการรับรองมาตรฐานแรงงานไทย (มรท.๘๐๐๑-๒๕๕๓) ระดับพื้นฐาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ในขอบข่ายการรับรอง รับจ้างผลิต ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง ยา เวชภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ถือเป็นองค์กรธุรกิจที่มีความรับผิดชอบทางด้านแรงงาน ปฏิบัติสอดคล้องกับมาตรฐานกฎหมายว่าด้วยสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงาน

มาตรฐานแรงงาน 

คือ กฎเกณฑ์ การปฏิบัติ การใช้แรงงานเกี่ยวกับสภาพการจ้างและสภาพการทำงาน  เช่น ค่าจ้าง ชั่วโมงทำงาน วันหยุด และความปลอดภัยในการทำงาน การมีมาตรฐานแรงงาน เพื่อให้แรงงานได้รับการคุ้มครองอย่างทัดเทียมเสมอภาค ก่อให้เกิดคุณภาพชีวิต มีความปลอดภัย มีแรงงานสัมพันธ์ที่ดี และมีขวัญกำลังใจในการทำงาน 
 

มาตรฐานแรงงานตามกฎหมาย คือ ข้อบังคับตามกฎหมาย ได้แก่ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม กฎหมายความปลอดภัยในการทำงานและ พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 และฉบับที่แก้ไขเพิ่มเติม

ประโยชน์ของการจัดทำมาตรฐานแรงงาน

          มาตรฐานแรงงานเกี่ยวข้องกับการค้าในเวทีโลก โดยปัจจุบันกลุ่มผู้ซื้อรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ให้ความสำคัญต่อการผลิตสินค้าและบริการที่ต้องเคารพ สิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงาน โดยได้นำเรื่องมาตรฐานแรงงานมาเป็นเงื่อนไขให้ผู้ผลิตต้องปฏิบัติ หากไม่สามารถกระทำได้  จะยกเลิกสัญญาการสั่งซื้อ
          การจัดทำระบบมาตรฐานแรงงานเป็นการสนับสนุนการส่งออก  และยังทำให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี  มีความปลอดภัยในการทำงาน ลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน เกิดขวัญกำลังใจที่จะสร้างผลผลิตอย่างเต็มศักยภาพ  นอกจากนี้ การจัดทำมาตรฐานแรงงาน ทำให้มีแนวปฏิบัติในการจัดทำระบบการจัดการให้มีประสิทธิภาพ   ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตที่จะสร้างรายได้ให้แก่ลูกจ้าง และสร้างผลกำไรให้แก่สถานประกอบกิจการ และที่สำคัญ คือ การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความรับผิดชอบทางสังคม ซึ่งจะลดอุปสรรคและข้อกีดกันทางการค้า
 

การดำเนินการภาครัฐในการช่วยสนับสนุนการจัดทำมาตรฐานแรงงาน

          กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำนักพัฒนามาตรฐานแรงงาน ได้ให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานประกอบกิจการจัดทำมาตรฐานแรงงานไทย (มรท. 8001-2553) และให้การรับรองโดยออกเอกสารอย่างเป็นทางการที่เป็นหลักฐานว่า มีการปฏิบัติสอดคล้องกับที่กำหนด มรท. 8001-2553 ทั้งนี้ เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงานโดยให้บริการ

ระดับการรับรอง

เพื่อให้มีการพัฒนาเข้าสู่ มรท.8001-2553 อย่างเป็นลำดับขั้นตอนตามศักยภาพและความพร้อม จึงแบ่งการรับรองเป็น 2 ระดับ ดังนี้

*ระดับพื้นฐาน
รับรองการปฏิบัติที่สอดคล้อข้อกำหนดมาตรฐานขอบเขตกฎหมาย อายุการรับรอง 1 ปี 
*ระดับสมบูรณ์ 
รับรองการปฏิบัติที่สอดคล้องมาตรฐานทั้งหมด โดยแบ่งเป็น 4 ขั้น ตามความสามารถในการจัดการเรื่องชั่วโมง

การทำงานล่วงเวลา (O.T.) 
          •  ขั้นสูงสุด  O.T. ไม่เกิน 12 ชั่วโมง: สัปดาห์อายุการรับรอง 3 ปี 
          •  ขั้นก้าวหน้า O.T. ไม่เกิน 18ชั่วโมง: สัปดาห์อายุการรับรอง 1ปี 
          •  ขั้นพัฒนา  O.T. ไม่เกิน 24ชั่วโมง: สัปดาห์อายุการรับรอง 1ปี
          •  ขั้นริเริ่ม O.T. ไม่เกิน 36ชั่วโมง: สัปดาห์อายุการรับรอง 1ปี

ประโยชน์การรับรอง

          •  สถานประกอบกิจการมีหลักประกันที่สร้างความเชื่อมั่นในความรับผิดชอบทางสังคม ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรค และเพิ่มโอกาสทางการค้า 

          •  เป็นการเตรียมความพร้อมที่จะช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการตรวจประเมินมาตรฐานแรงงานอื่นๆ ที่เป็นเงื่อนไขทางการค้า 

          •  เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้างซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมแรงร่วมใจในทุกด้าน 

          •  ลูกจ้างมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถสร้างผลผลิตได้เต็มศักยภาพ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.labour.go.th/th/index.php?option=com_content&view=article&id=38:2554-05-11-09-05-35&catid=33:downloadcategory&Itemid=108

ISO 22716 เป็นมาตรฐานการผลิตเครื่องสำอาง ที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โดยครอบคลุมกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นวางแผนการผลิตไปจนถึงการจัดเก็บและขนส่งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำเร็จรูป รวมไปถึงการบันทึกข้อมูล สำหรับตรวจสอบและติดตามผลคุณภาพผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังช่วยเสริมมาตรฐานการผลิตเครื่องสำอางตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดี (GMP) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีแนวทางการจัดการดังนี้

1.สถานที่ผลิต 

ถือเป็นหนึ่งในข้อกำหนดสำคัญของ ISO 22716 ผู้ผลิตต้องออกแบบพื้นที่ให้มีความเหมาะสม มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ง่ายต่อการบำรุงรักษาความสะอาด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนในวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และขั้นตอนการปฏิบัติงาน 

2.อุปกรณ์ 

อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการผลิต ได้รับการออกแบบ ติดตั้งอย่างถูกต้อง ไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์ มีการสอบเทียบ(Calibration)  และบำรุงรักษาตามมาตรฐาน ISO 22716 ให้มีความแม่นยำ เที่ยงตรง ในการทำงานสูงสุด รวมทั้งมีการจัดเก็บแยกเป็นสัดส่วน ไม่ให้มีโอกาสเกิดการปนเปื้อน 

3.วัตถุดิบ

จัดซื้อวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน GMP Halal หรือ ISO และมีใบตรวจรับรองคุณภาพ (Certificate of Analysis) โดยมีระบบการจัดการ ตรวจสอบและจัดเก็บวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน รวมถึงให้ความสำคัญการประเมินคุณภาพวัตถุดิบอย่างสม่ำเสมอ

4.การควบคุมการผลิต

การดำเนินการทุกขั้นตอนจะต้องมีการควบคุมให้เป็นไปตามแผนการผลิตที่กำหนด (Quality Plan) ทั้งวัตถุดิบ ส่วนผสม บรรจุภัณฑ์ การผลิต และการเก็บรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องสำอางที่ผลิตมีคุณภาพอย่างแท้จริง 

5)ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป 

ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปต้องผ่านการตรวจสอบจากฝ่ายควบคุมคุณภาพ รวมทั้งตลอดการจัดเก็บ การขนส่ง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำเร็จรูป มีการควบคุมรักษาคุณภาพ ที่ยึดแนวปฏิบัติตามมาตรฐานสากล