ตลาดความงามไทยเติบโตกว่าตลาดโลก
ตลาดความงามของไทยนับว่าเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ด้วยสถานการณ์โควิดที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจความงามที่ยังมีการหยุดชะงักไปบ้าง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อัพเดท มูลค่า-เทรนด์ และทิศทางตลาดความงามของไทย หลังโควิด-19
ตลาดความงามไทยเติบโตกว่าตลาดโลก
จากสถิติการเติบโตของตลาดความงามไทยในปี 2562 ที่มีมูลค่าถึง 218,800 ล้านบาท
คิดเป็นอัตราการเติบเต็บ 6.7% ซึ่งเป็นมูลค่าการเติบโตทีสูงกว่าตลาดโลกที่มีการเติบโตเพียง 5.52%
ส่วนแบ่งการตลาดความงามของไทย คิดเป็น
- สกินแคร์ 42%
- ดูแลเส้นผม 15%
- สุขอนามัย 14%
- เมคอัพ 12%
- เครื่องสำอาง เกี่ยวกับริมฝีปาก 12%
- น้ำหอม 5%
สกินแคร์ 9.19 หมื่นล้านบาท
- บำรุงผิวหน้า 81%
- บำรุงผิวกาย 12%
- ป้องกันแดด 6%
- ริมฝีปาก 1%
เมคอัพ 2.68 หมื่นล้านบาท
- หน้า 57%
- ริมฝึปาก 25%
- ดวงตา 17%
- เล็บ 1%
ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม 3.3 หมื่นล้านบาท
- ดูแลและบำรุงเส้นผม 82%
- ทำสีผม 13%
- ตกแต่งทรงผม 4%
- ดัดผม 1%
จากสถิติที่ผ่านมา นับว่าตลาดความงามไทยนั้นยังคงสามารถเดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์โควิด และภายหลังสถานการณ์โควิด โดยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ส่งผลให้ทางผู้ผลิตหรือแบรนด์ความงามต่างๆ มีความจำเป็นที่จะต้องปรับตัว และวางแผนทางการตลาดใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้
ทิศทางตลาดความงามปี 2563
ในปี 2563 นับว่าเป็นปีที่ยังอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด ที่ผู้คนยังคงต้องระมัดระวังตัวเอง ยังคงต้องใส่หน้ากาก จึงนับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของเจ้าของธุรกิจที่ต้องวางแผนการตลาดเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงจุดมากที่สุด
ประเด็นที่น่าสนใจในการวางแผนการตลาด
1. กำลังซื้อของผู้บริโภค ในช่วงระหว่าง และหลัง สถาณการณ์โควิด-19
2. พฤติกรรมที่ผู้บริโภคต้องใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกบ้าน อาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการดูแลผิวหน้า ป้องกันสิว หรือผดผื่น ผลิตภัณฑ์แต่งแต้มดวงตา และเส้นผม เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ลิปสติกอาจจะลดลง เปลี่ยนเป็นลิปบาล์มบำรุงแทน รองพื้นที่เบาบางน่าจะขายดีกว่าแบบปกปิดดีแต่หนักผิว เป็นต้น
อ้างอิง : Euromonotor, 2019