ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยมากขึ้น การเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของ “สารอาหารที่ให้ประโยชน์” เท่านั้น แต่ยังรวมถึง “แหล่งที่มา” ของสารเหล่านั้นด้วย ซึ่งในปัจจุบัน สารสกัดจากธรรมชาติกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
✅ ความปลอดภัยและความเข้ากันได้กับร่างกาย
สารสกัดจากธรรมชาติมักมีความเข้ากันได้ดีกับระบบของร่างกายมนุษย์ เนื่องจากสารเหล่านี้มีโครงสร้างทางเคมีใกล้เคียงกับสารที่ร่างกายรู้จักและเคยรับจากอาหารอยู่แล้ว จึงทำให้โอกาสเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าสารสังเคราะห์ จากงานวิจัยของ National Institutes of Health (NIH) พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ มีอัตราการเกิดผลข้างเคียงต่ำกว่าสารสังเคราะห์ถึง 2.5 เท่า (NIH, 2020)
✅ มีสารพฤกษเคมี (Phytonutrients) และสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติ
ในพืชสมุนไพรและวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น ขมิ้นชัน โสม เห็ดหลินจือ หรือชาเขียว มักประกอบไปด้วยสารพฤกษเคมีต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างซับซ้อน ส่งผลดีต่อสุขภาพในหลายระบบ ทั้งการต้านการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน และชะลอความเสื่อมของเซลล์ ซึ่งสารสังเคราะห์ไม่สามารถเลียนแบบองค์ประกอบเชิงซ้อนแบบนี้ได้อย่างสมบูรณ์
ตัวอย่างเช่น เคอร์คูมิน ในขมิ้นชัน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอักเสบและต้านอนุมูลอิสระสูง มีผลต่อการยับยั้งสารไซโตไคน์อักเสบได้ดี จากงานวิจัยตีพิมพ์ใน Journal of Natural Products (2022)
✅ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การผลิตสารสกัดจากธรรมชาติมักใช้กระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าการสังเคราะห์ทางเคมีที่ต้องใช้สารตั้งต้นและพลังงานจำนวนมาก อีกทั้งยังลดการปนเปื้อนของโลหะหนักและสารเคมีตกค้างในกระบวนการผลิตได้ดีกว่า
✅ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและแนวโน้มตลาด
รายงานจาก Grand View Research ระบุว่าตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารธรรมชาติจะเติบโตจากมูลค่า 45.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 เป็น 84.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2030 โดยมี CAGR ที่ 9.1% สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความนิยมที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคทั่วโลก
สารสกัดจากธรรมชาติไม่เพียงให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างครอบคลุม แต่ยังตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัย ความยั่งยืน และแนวโน้มความต้องการในตลาดโลก การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมทั้งในระยะสั้นและระยะยาวสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่